ข้อคิดสำหรับการนมัสการในครอบครัว

อย่าให้ยากและนานเกินไป

เริ่มต้นการนมัสการในครอบครัวครั้งแรกด้วยการอธิษฐาน อ่านพระคัมภีร์ และร้องเพลงที่สั้นๆ ก่อน คุณอาจทำเช่นนี้ในสัปดาห์แรกหรือสัปดาห์ที่สอง ซึ่งเป็นช่วงแนะนำวิธีการนมัสการในรูปแบบนี้กับคนในครอบครัว ถ้าคุณพลาดไปคืนหรือสองคืนก็ไม่ต้องกังวล แค่กลับมาทำใหม่คืนนี้ จำไว้ว่าการนมัสการในครอบครัวเป็นพระพร ไม่ใช่ภาระหนักที่พระเจ้าใส่ไว้บนหลังคุณ

เมื่อครอบครัวของเราคุ้นเคยกับการนมัสการร่วมกันแล้วก็ค่อยๆ อ่านพระคัมภีร์ให้ยาวขึ้น อธิษฐานนานขึ้น และเพิ่มเพลงเข้าไปมากขึ้น และจำไว้ว่าคุณอาจจะสามารถจดจ่อได้ยาวนานกว่าลูก ระยะเวลาที่พอเหมาะของเด็กคือ สิบถึงสิบสองนาที แต่ว่าทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเด็กแต่ละคน

เลือกเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับทุกคน

ครอบครัวส่วนใหญ่ที่ผมรู้จักมีการนมัสการในครอบครัวหลังอาหารเย็น แต่มีบางครอบครัวที่ชอบตอนเช้ามากกว่า บางครอบครัวทำได้ทั้งตอนเช้าและกลางคืน เมื่อคุณหาเวลาที่ดีที่สุดสำหรับคุณและครอบครัวได้แล้วก็ให้ยืดเวลานั้นไว้

เลือกสถานที่ที่ดีที่สุด

ถ้าคุณใช้เวลานมัสการในครอบครัวเหมือนผมคือหลังจากทานข้าวเสร็จ โต๊ะทานข้าวเป็นที่ที่เหมาะที่สุดในการอ่านพระคัมภีร์ อธิษฐาน และร้องเพลงร่วมกัน ผมได้ยินว่ามีบางครอบครัวที่ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงหลังอาหารเย็นเพื่อทำความสะอาดและเล่นสนุกกัน จากนั้นก็มารวมตัวนมัสการกันในห้องรับแขก ให้ลองใช้สถานที่ต่างๆ แล้วดูว่าอะไรดีที่สุดและเหมาะสมกับวัยของลูกคุณมากที่สุด

ยืดหยุ่น

อย่าคาดหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่นและสมบูรณ์แบบ อย่าหงุดหงิดถ้าคืนนั้นลูกเกิดป่วยและไม่ให้ความร่วมมือ ขอให้อดทนกับเขา ผมจำได้ว่าคืนหนึ่งหลังจากที่อ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องการนมัสการในครอบครัวจบ ผมตื่นเต้นในการนำลูกและภรรยามารวมกันแล้วนำพวกเขานมัสการ แต่คืนนั้นเป็นคืนแห่งความปั่นป่วน ผมยังจำสิ่งที่พูดออกไปว่า “งั้นเราอธิษฐานปิดกันเลย” ลูกผมอยู่ไม่นิ่ง พวกเขาทะเลาะกัน คืนนั้นลูกๆ ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น คุณและผมจะมีเวลาแบบนี้ แต่ก็ไม่ควรทำให้เราเลิกนมัสการในครอบครัว เรื่องนี้นำไปสู่ประเด็นต่อไป

คงเส้นคงวา

อย่าล้มเลิก ขอให้ทำต่อไป ยิ่งเราทำต่อเนื่องก็จะยิ่งดีขึ้น ใช่แล้ว ที่เรามีความท้าท้ายขึ้นๆ ลงๆ แต่การนมัสการในครอบครัวควรสำคัญเป็นอันดับแรกในครอบครัว ถ้าลูกยังเล็กและนั่งนิ่งจดจ่อได้ยาก การรวมตัวกันในครอบครัวเช่นนี้ก็จะทำให้เรามีโอกาสดีที่จะได้ฝึกฝนพวกเขา มีบางครั้งที่เรารู้สึกว่ากำลังฝึกวินัยลูกมากกว่าการนมัสการพระเจ้า อย่ากังวลถ้ามันเกิดขึ้น ให้พยายามต่อไปในครั้งหน้า จะมีคืนที่ดีบ้างไม่ดีบ้าง และจะมีบางครั้งที่มหัศจรรย์อย่างไม่น่าเชื่อ สิ่งที่ดีที่สุดคือ เริ่มเมื่อลูกยังเล็กและคงเส้นคงวา

ยำเกรงและชื่นชมยินดี

เราต้องเข้าสู่การนมัสการด้วยความยำเกรง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องงียบงันหรือนั่งนิ่งไม่เป็นธรรมชาติ หรือยิ้มไม่ได้เลย การใช้เวลาคิดใคร่ครวญว่าเรากำลังสื่อสารอยู่กับใครจะช่วยให้เรากำหนดบรรยากาศของการนมัสการได้ การที่เรารู้ว่าพระเจ้าอยู่ด้วยน่าจะช่วยเราในการถวายเกียรติแด่พระองค์ และไม่ใช้เวลาปล่อยตัวตามสบาย ขณะที่เราอ่านพระคำ ร้องบทเพลง และอธิษฐานตามพระวจนะก็ให้ทำอย่างสมดุลระหว่างความยำเกรงกับความชื่นชมยินดี แล้วเราจะนมัสการและเทิดทูนพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของเราอย่างไร สดุดี 16:11 กล่าวไว้ว่า “ต่อพระพักตร์พระองค์มีความยินดีเปี่ยมล้น”

สรุป

คุณอาจจะไม่เคยมีการนมัสการในครอบครัวมาก่อน อาจจะไม่มีคนรู้จักที่ทำอยู่ แต่อย่าให้สิ่งนี้หยุดยั้งคุณไว้อาจพูดคุยเรื่องการนมัสการในครอบครัวกับครอบครัวที่สนิทกันและตั้งใจร่วมกันที่จะนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าภายในครอบครัว จงเริ่มทำและอธิษฐานว่าจะขยายออกไปสู่บ้านของสมาชิกในคริสตจักรของคุณ!

บทความนี้ดัดแปลงมาจากหนังสือ “การเลี้ยงลูก”