วิธีที่พระเจ้าทรงใช้ในการสื่อสารกับมนุษย์เรา

มีผู้คนมากมายเชื่อและสอนว่าพระเจ้าสื่อสารกับเราด้วยการมาเข้าฝัน บ้างก็เชื่อว่าพระเจ้ามาปรากฏตัวให้ผู้เชื่อเห็นเป็นการส่วนตัวในสถานที่ต่างๆ เพื่อประทานนิมิตหรือความจริงบางประการ บางคนก็บอกว่าสามารถได้ยินเสียงของพระเจ้า และอื่นๆ อีกมากมาย

คำถามก็คือ นั่นเป็นวิธีที่พระเจ้าทรงใช้ในการสื่อสารกับผู้เชื่อเราในทุกวันนี้จริงหรือ? ตามหลักพระคัมภีร์แล้ว “ไม่ใช่เลย!

แล้วทุกวันนี้พระเจ้าสื่อสารกับเราโดยวิธีใด? พระเจ้าทรงสื่อสารกับเราผ่านทางพระวจนะของพระองค์นั่นก็คือพระวจนะของพระองค์ตั้งแต่ ปฐมกาล-วิวรณ์! 

เรามีพระคัมภีร์ที่สมบูรณ์แบบที่เป็นพระคำของพระเจ้าและพระองค์ทรงพอพระทัยที่จะทรงใช้พระคัมภีร์เป็นช่องทางในการที่จะสื่อสารกับมวลมนุษยชาติ

ทุกคนที่อ้างว่าได้รับพระคำหรือนิมิตมาจากพระเจ้านั้นต้องพิสูจน์และต้องได้รับการยืนยันโดยผ่านทางพระวจะของพระองค์! กล่าวคือสิ่งที่กล่าวนั้นต้องสอดคล้องกับสิ่งที่พระคัมภีร์ได้สอนไว้ อาจารย์ของผมคนหนึ่งมักจะย้ำอยู่เสมอว่าเราไม่ควรที่จะใช้ประสบการณ์ของมนุษย์ไปตัดสินพระวจนะ แต่เราควรที่จะให้พระวจจะตัดสินประสบการณ์ของเรา เพราะพระคัมภีร์นั้นเป็นสิ่งที่มีอำนาจสูงสุดในทุกสิ่งอย่างที่เราเชื่อและสอน ไม่ใช่ประสบการณ์ส่วนตัวของใครบางคน

จริงอยู่ที่ว่าเวลาเราสำรวจพระคัมภีร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพระคัมภีร์เดิม พระเจ้าทรงพอพระทัยที่จะสื่อสารกับมนุษย์เราโดยวิธีต่างๆ เช่น พระเจ้าทรงเลือกที่จะสื่อสารโดยตัวต่อตัวโดยพระสุรเสียงของพระองค์ พระเจ้าทรงเลือกที่จะสื่อสารโดยผ่านทางความฝัน พระเจ้าทรงเลือกที่จะสื่อสารโดยผ่านทางผู้รับใช้ที่พระเจ้าทรงเลือกขึ้นมา(ผู้เผยพระวจนะ) แต่นั่นแค่เป็นช่วงเวลาหนึ่ง

แต่ถ้าเราลองหยุดและไตร่ตรองดูดีๆ เราจะเห็นได้ว่าพระเจ้าไม่จำเป็นต้องสื่อสารกับเราโดยวิธีต่างๆ เหมือนอย่างในสมัยของพระคัมภีร์เดิม เพราะว่าทุกสิ่งอย่างที่พระเจ้าประสงค์ที่จะสื่อสารกับมนุษย์เรานั้นได้รับการบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ 66 เล่มนี้แล้วเราจึงต้องเชื่อและมั่นใจว่าพระคัมภีร์นั้นเพียงพอไม่ใช่พยายามที่จะหาช่องทางอื่นที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันพิเศษและสำคัญกว่าพระคัมภีร์ 

ในยอห์น 10: 27 พระเยซูกล่าวไว้ว่า “แกะของเราย่อมฟังเสียของเรา เรารู้จักแกะเหล่านั้น และแกะเหล่านั้นก็ตามเรา”  คำถามก็คือ “ทุกวันนี้เราจะฟังเสียงของพระเจ้าหรือพระเยซูได้อย่างไร?” คำตอบก็คือ “ผ่านทางพระวจะของพระเจ้า”  เพราะ 2 ทิโมธี 3:16 กล่าวไว้ว่า “พระวจนะทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า”  และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงดำรงอยู่ในผู้เชื่อทุกคนที่จะช่วยให้เราเชื่อและเข้าใจในสิ่งที่พระเจ้าตรัสกับเราผ่านทางพระคำของพระองค์

เพราะฉะนั้น พระเจ้าสื่อสารกับเราผ่านทางพระวจนะของพระองค์ที่สมบูรณ์แบบและพระวจนะนั้นมีความสำคัญและสิทธิอำนาจเหนือความฝันหรือนิมิตใดๆที่คนอ้างว่าได้มาจากพระเจ้า มีคนกล่าวไว้อย่างติดตลกแต่แฝงไปด้วยความจริงว่า “ถ้ามีคนมาบอกว่า ‘พระเจ้าบอกผม/ดิฉันว่า…’ ให้ถามคนนั้นกลับว่ามันอยู่ในพระคัมภีร์เล่มใด บทที่เท่าไหร่ และข้อไหน” เพราะทุกสิ่งที่คริสเตียนเราเชื่อและสอนนั้นต้องสอดคล้องกับพระคัมภีร์เพราะนั่นเป็นวิธีที่พระเจ้าใช้สื่อสารกับเรา 

ความจริงนี้ทำให้เรากลับมาให้ความสำคัญกับการใช้เวลากับพระวจนะในแต่ละวัน เพราะพระวจนะคือวิธีและเนื้อหาที่พระเจ้าพระประสงค์ที่จะตรัสกับเราทุกคน ขอให้ทุกคนที่ปรารถนาที่จะรู้และได้ยินสิ่งที่พระเจ้าตรัส ให้คนนั้นอ่านพระคำของของพระองค์ และเรามั่นใจได้ว่าทุกครั้งที่เราอ่านพระคัมภีร์ เราก็อ่านและฟังพระดำรัสโดยตรงจากพระเจ้า!