“พระเจ้ารักมนุษย์เราอย่างไม่มีเงื่อนไข/ข้อแม้จริง” จริงหรือ?

พระเจ้ารักเราอย่างไม่มีมีข้อแม้/เงื่อนไข” “ความรักของพระเจ้านั้นไม่มีข้อแม้/เงื่อนไข” “พระเจ้ารักเราอย่างที่เราเป็นเป็นประโยคที่คริสเตียนเราอาจจะคุ้นเคยกันดี อาจจะเป็นคำพูดที่มีเจตนาที่จะยกย่องความรักที่พระเจ้ามีให้กับมนุษย์เรา แต่ว่าคำถามที่สำคัญมากก็คือ นั่นเป็นสิ่งที่พระคัมภีร์สอนหรือไม่?

คำนิยาม

เราต้องมาทำความเข้าใจของคํานิยาม/ความหมายกับคำว่า “อย่างไม่มีข้อแม้/เงื่อนไข” กันก่อน ถ้า “พระเจ้ารักเราอย่างไม่มีข้อแม้/เงื่อนไข” ในที่นี้แปลว่าพระเจ้าทรงรักมนุษย์เราไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นใคร มาจากไหน หรือเคยผ่านอะไรในอดีตมาก็ตาม ก็ถือว่าเป็นความจริง เพราะตามหลักพระคมัภีร์แล้ว ไม่มีใครในโลกนี้ที่ชั่วร้ายเกินไปหรือมีความสำคัญน้อยต่อพระเจ้าจนพระเจ้าไม่สามารถที่จะให้ความรักและความเมตตาของพระองค์ผ่านทางพระเยซูคริสต์ได้

แต่ถ้า “พระเจ้ารักเราอย่างไม่มีข้อแม้/เงื่อนไข” “รักอย่างที่เราเป็น” แปลว่าพระเจ้ารักเราไม่ว่าเราจะทำอะไรและใช้ชีวิตแบบใดก็ตาม นั่นไม่ได้เป็นความจริง เพราะไม่เคยมีพระคัมภีร์ข้อไหนที่สอนไว้ในลักษณะนี้แบบน้ี

มุมมองที่ผิด

ปัญหาใหญ่อย่างหน่ึงท่ีเกิดขึ้นเมื่อมีคนพูดถึงพระเจ้าก็คือ ผู้คนมักจะมองว่าพระเจ้าเป็นผู้ที่ต้องยอมรับทุกอย่างไม่ว่าจะมนุษย์จะเป็นอย่างไรหรือมีวิถีชีวิตแบบใดก็ตาม เพราะมนุษย์มักเอาตนเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล บางคนจึงมีความคิดว่าพระเจ้าต้องรับได้ทุกอย่างที่เป็นเราไม่ว่าจะมีชีวิตขัดแย้งกับพระคัมภีร์แค่ไหนก็ตาม และคิดว่าสามารถเข้าหาพระเจ้าได้และได้รับความรักจากพระเจ้า โดยที่พวกเราไม่ต้องเสียสละหรือละทิ้งความบาปใดๆ ในชีวิตของตนทิ้งไป การคิดเช่นน้ีเป็นการเข้าข้างตัวเองแบบตกขอบซึ่งไม่ใช่สิ่งที่พระคัมภีร์สอน

เพราะฉะนั้น การที่เรามองพระเจ้าว่า พระองค์จะรักเราและจะเห็นพ้องต้องกันกับเราในทุกส่ิงที่เราเป็น ไม่ใช่หลักคําสอนของพระคัมภีร์  จริงอยู่ท่ีพระคัมภีร์สอนไว้ว่า ไม่ว่าคนบาปคนใดในโลกน้ีเคยผ่านอะไรมาก็ตาม ถ้าเขาสารภาพบาปต่อพระเจ้า กลับใจจากความบาป และเช่ือในองค์พระเยซูคริสต์ พระเจ้าก็พร้อมให้อภัยและให้โอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่(1 ยอห์น 1:9; 2 โครินธ์ 5:17)

พระเจ้าทรงเกลียดชังความบาป

การที่พระเจ้าพร้อมจะให้อภัยคนบาปที่กลับใจไม่ได้หมายความว่าพระเจ้าจะยอมรับเราและรักเราในทุกสิ่งท่ีเราเป็น ไม่ว่าเราจะทําอะไรหรือใช้ชีวิตอยู่ในความบาปแค่ไหนก็ตาม สดุดี 5:5 เขียนเตือนความเราเกี่ยวกับเรื่องน้ีไว้ว่า “…พระองค์ทรงเกลียดชังผู้ทําความชั่วทุกคน” พระคัมภีร์หลายข้อหลายตอนจึงหนุนใจให้ผู้คนละทิ้งความ บาป หยุดทําบาป และหันมาหาพระเจ้า เพื่อจะได้รับการอภัยโทษและมีชีวิตนิรันดร์

พระเจ้าประสงค์ให้ทุกคนกลับใจ

สรุปก็คือ ถึงแม้ว่าพระเจ้าจะทรงรักและพร้อมท่ีจะให้อภัยไม่ว่าคนๆ หน่ึงจะเคยผ่านอะไรมาก็ตาม แต่ไม่ได้หมายความว่าคนๆ น้ันสามารถที่จะเอาแต่จมปลักอยู่ในความบาปและดํารงชีวิตขัดแย้งกับพระประสงค์ของพระองค์ และยังคาดหวังที่ให้พระเจ้ารักและยอมรับในตัวเขาทั้งๆ ที่ไม่มีการกลับใจจากความบาปเหล่าน้ันเลย เพราะฉะนั้น ความเชื่อที่ว่าพระเจ้ารักมนุษย์เราอย่างไม่มีข้อแม้/เงื่อนไขในลักษณะนี้จึงไม่ได้มาจากพระคัมภีร์ แต่มาจากความคิดของมนุษย์เอง

**หมายเหตุ: เนื้อหาของบทความนี้ดัดแปลงมาจากหนังสือ “คำตอบ: 200 คำถามที่คริสเตียนควรรู้คำตอบ” หน้า 285-286